วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2563
มารู้จัก PJ Herb
PJ Herb พีเจ เฮิร์บ น้ำสมุนไพรผสมทุเรียนเทศ
ประกอบด้วยสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อการต้านโรคร้ายและการยับยั้งเชื้อที่จะก่อให้เกิดโรคมะเร็ง และยังเป็นแบคทีเรียตัวน้อยที่มีพลังในการยับยั้งการก่อตัวของเนื้องอก บรรเทาอากาารวิงเวียนศรีษะ เบาหวาน โรคลม โรคไมเกรน เส้นเลือดตีบตัน และความดันโลหิตสูง-ต่ำ
สำหรับผู้ที่ไม่ได้มีโรคร้าย หรือโรคประจำตัว และยังช่วยปรับสมดุลควบคุมฮอร์โมนที่ผิดปกติในร่างกาย บรรเทาอาการประจำเดือนมาไม่ปกติ อาการวัยทองทั้งหญิง-ชาย โรคกลากเกลื้อน ท้องร่วง สเก็ดเงิน-ทอง ปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ เยื่้อหุ้มสมองอักเสบ เชื้อไวรัส HSV-1 โรคงูสวัด หัด เก๊าท์ โรคข้อกระดูก และการขับถ่ายไม่ปกติอีกด้วย
ทุเรียนเทศ คืออะไร?

สรรพคุณทางภูมิปัญญาของใบทุเรียนเทศ
ชาว west Indies ใช้ชาชงใบทุเรียนเทศเป็นชาสงบ ระงับ (sedative) ชาวตรินิแดดใช้ใบลดความดันโลหิต ชาวเปรูใช้ใบรักษาอาการปวดเกร็งท้อง และสงบ ระงับ ชาวกานาใช้ชาชงจากใบ บำรุงหัวใจและสงบ ระงับ ชาวบราซิลใช้ชาชงและน้ำต้มจากใบ รักษาอาการปวดข้อ รูมาตอยด์ และปวดปลายประสาท แก้ปวดศรีษะ นอนไม่หลับ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ต้านการอักเสบ จะเห็นได้ว่าในอดีตไม่มีการใช้ทุเรียนเทศในการรักษาโรคมะเร็ง
ใบทุเรียนเทศกับการรักษามะเร็ง
จากข้อมูลสรรพคุณทางภูมิปัญญาของใบทุเรียนเทศ จะเห็นได้ว่าภูมิปัญญาในหลายประเทศมีการใช้ใบทุเรียนเทศในการลดความดันโลหิต ช่วยสงบ ระงับ นอนไม่หลับ ปวดข้อ รูมาตอยด์ และปวดปลายประสาท ไม่มีการกล่าวถึงการใช้รักษาโรคมะเร็ง มีแต่ในประเทศที่ยากจน เช่น ประเทศทางอัฟริกา ที่มีปัญหาของโรคมะเร็งและพบว่าประชาชนเข้าถึงยาแผนปัจจุบันได้น้อย ทำให้อัตราการตายด้วยโรคมะเร็งสูงจึงใช้ใบทุเรียนเทศในการรักษาโรคมะเร็ง โดยการนำใบมาต้มกับน้ำโดยอิงข้อมูลจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ตั้งแต่ปี 1940 ไม่ใช่สรรพคุณทางภูมิปัญญาท้องถิ่น
ปัจจุบันประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศทางยุโรปมีผลิตภัณฑ์ใบทุเรียนเทศหลายรูปแบบ ใช้เป็นผลิตภัณฑ์ร่วมกับยาแผนปัจจุบันในการรักษาโรคมะเร็ง ได้แก่ รูปแบบชาชง (infusion) โดยรับประทานครั้งละ 1 ถ้วย วันละ 3 ครั้ง รูปแบบยาทิงเจอร์ รับประทานครั้งละ 3-4 มิลลิลิตร วันละ 3 ครั้ง รูปแบบยาผงบรรจุแคปซูล รับประทานขนาด 2 กรัม วันละ 3 ครั้ง
สรุป ใบทุเรียนเทศรักษามะเร็งได้ (จริงหรือ?)
การบริโภคใบทุเรียนเทศในรูปแบบยาต้มหรือยาชง ก็จะมีความปลอดภัยมากกว่าการบริโภครูปแบบยาทิงเจอร์ หรือยาดอง หรือยาผง แต่การจะมีผลในการรักษาโรคมะเร็งหรือไม่คงต้องมีการศึกษาในรายละเอียดอีกมากมาย ในการที่ประเทศที่ยากจนจะนำใบทุเรียนเทศมาใช้เป็นทางเลือกหนึ่ง ในการรักษามะเร็ง คงเป็นการแก้ปัญหาที่ประชาชนเข้าถึงยาแผนปัจจุบันได้ไม่ทั่วถึง เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่สูง
ในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน คิดว่าผู้ป่วยมะเร็งที่ตรวจพบในระยะแรก ๆ น่าจะมีโอกาสได้รับการรักษาที่ทันท่วงที ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด หรือฉายแสง หรือได้รับยาต้านมะเร็ง ซึ่งเป็นวิธีรักษาที่ยอมรับกันในวงการแพทย์ การบริโภคสมุนไพรอาจจะเป็นทางเลือกในการช่วยลดผลข้างเคียงของยาแผนปัจจุบัน หรือการใช้ร่วมกันจะช่วยให้การรักษาเป็นไปได้ดีขึ้น แต่ผู้บริโภคก็ต้องมีวิจารณญานในการวิเคราะห์ข้อมูลของสมุนไพรอย่างถ่องแท้ ดังที่ได้เกริ่นนำข้างต้น ทั้งนี้เพื่อประกันความปลอดภัยและประสิทธิผลที่จะได้รับต่อไป
กรณีผู้ป่วยที่จะบริโภคใบทุเรียนเทศ มีข้อแนะนำดังนี้
- ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์หรือหญิงให้นมบุตร
- ควรระวังในการใช้ ในกรณีผู้ป่วยความดันโลหิตสูงและรับประทานยาลดความดัน จะต้องติดตามตรวจสอบความดันโลหิต เพราะใบทุเรียนเทศมีผลลดความดันโลหิต (การทดลองในสัตว์ทดลอง) ผู้ป่วยเบาหวานที่รับประทานยาลดน้ำตาลในเลือด ทั้งนี้เพราะใบทุเรียนเทศมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด (การทดลองในสัตว์ทดลอง) นอกจากนี้การรับประทานสารสกัดใบทุเรียนเทศนาน ๆ จะมีผลทำให้จุลชีพที่ดี (normal flora) ในระบบทางเดินอาหารถูกทำลายได้ เนื่องจากใบทุเรียนเทศมีฤทธิ์ต้านจุลชีพ และอาจมีผลทำให้เกิดอาการ atypical parkinsonism เนื่องจากสารกลุ่ม annonaceous acetogenins มีผลเป็นพิษต่อเนื้อเยื่อสมอง
อ้างอิงข้อมูลจาก: ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)